ครีมทาส้นเท้าแตก ตัวช่วยที่เปลี่ยนส้นเท้าคุณให้กลับมาเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน แตกแค่ไหนก็เอาอยู่ หนึ่งในปัญหาของสาวๆ ที่มักพบเจออยู่บ่อยๆ นั่นคือ ส้นเท้าแตก แห้ง แข็งกระด้าง หลายคนมองข้ามการใส่ใจดูแล จนรู้ตัวอีกทีฝ่าเท้าก็แห้งกร้านและส้นเท้าก็แตกระแหงไปเสียแล้ว บางทีเวลานอนก็ไปเกี่ยวตามผ้าห่มผ้าปูที่นอน จนน่ารำคาญ หรือแม้แต่อยากจะใส่ส้นสูงเปิดเท้าก็ไม่มั่นใจเอาซะเลย หากใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ ก็อย่าเพิ่งใจเสียกลัวว่าจะรักษาไม่หาย วันนี้เรามีครีมทาเท้าแตกที่จะช่วยรับมือกับปัญหาฝ่าเท้าแตกแห้งกร้านหรือเท้าแห้งดูไม่น่าสัมผัส เพื่อบำรุงผิวเท้าให้กลับมาเนียน นุ่ม ดูมีสุขภาพดี และ รอยแตกที่ฝ่าเท้าก็จะหายไปจนลืมไปเลยว่าเคยมี ใส่รองเท้าเปิดส้นแล้วสวย มั่นใจ ไม่ต้องอายใคร
สารบัญส้นเท้าแตก คือ
10 อันดับ ครีมทาส้นเท้าแตก ยี่ห้อไหนดี ปี 2021
1. Polka Cracked Heel Cream
2. Scholl cracked Heel Repair Cream
3. Ellgy Plus Cracked Heel Cream
4. Shiseido Urea 10% Hand and Feet Cream
5. ครีมทาส้นเท้าแตก Philo Soft Plus
6. ครีมทาส้นเท้าแตก กิฟฟารีน SKIN SOFTENER GIFFARINE
7. FootEase by Watsons Cracked Heel Cream
8. Yoko Cracked Heel Cream
9. Mistine Foot & Nail Repair Cream
10. CREAM 91 E
สาเหตุการเกิดส้นเท้าแตก
วิธีรักษาส้นเท้าแตก
วิธีการเลือก ครีมทาส้นเท้าแตก
บทสรุป
ส้นเท้าแตก คือ
อาการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้ง หยาบ แข็ง แตกและแยกออกเป็นแผ่น หากมีรอยแตกถึงผิวหนังด้านใน อาจทำให้มีเลือดออกและสร้างความเจ็บปวดตามมาได้ ส่วนมากแล้วมักเกิดในช่วงหน้าหนาวซึ่งมีอากาศแห้งและหนาวเย็น แต่ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในช่วงฤดูหนาว หลายคนจึงพยายามค้นหาวิธีรักษาส้นเท้าแตกอย่างไรให้ได้ผล ส้นเท้าแตกเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อากาศที่แห้งหรือหนาวเย็น ภาวะร่างกายขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อย อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่ร้อนจนเกินไป แช่อยู่ในน้ำร้อนเป็นเวลานานหรือบ่อยเกินไป ใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง ไม่ทาครีมบำรุงที่ทำให้เท้ามีความชุ่มชื้น การขัดเท้า การใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมเท้าหรือเปิดผิวเท้ามากเกินไป มีภาวะอ้วน มีน้ำหนักตัวมาก และป่วยเป็นโรคเบาหวาน เป็นต้น หากปัญหาส้นเท้าแตกถูกปล่อยปละละเลยไว้จนเป็นแผลลึกและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดส้นเท้าแตก และมีโอกาสพัฒนาไปสู่การติดเชื้อได้มาก หลัก ๆ คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้มีภาวะอ้วน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาส้นเท้าแตกแห้งกร้าน และกำลังมองหา ครีมทาส้นเท้าแตก แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก ยี่ห้อไหนดีที่มีประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด วันนี้ เรามาแนะนำครีมทาส้นเท้าแตกยอดที่นิยม พร้อมทั้งวิธีการเลือกครีมทาส้นเท้าแตก จะมีตัวไหนบ้างตามไปดูกันเลย
10 อันดับ ครีมทาส้นเท้าแตก ยี่ห้อไหนดี ปี 2021
1. Polka Cracked Heel Cream
Polka Cracked Heel Cream |
Polka Cracked Heel Cream 60 g. (1 ชิ้น) / พอลก้า แคร๊ก ฮีล ครีม ครีมทาส้นเท้าแตก ครีมบำรุงสมานรอยแตกของส้นเท้า คืนความชุ่มชื่นให้เท้า ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ปกป้องไม่ให้ผิวแห้งกร้านป้องกันการสูญเสียน้ำ และดูดซับน้ำไว้ใต้ผิวเป็นเวลานาน พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้ผิวทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและปรับสภาพสีผิวใหม่ให้ขาวขึ้นสมานรอยแตก มีส่วนผสมที่ประกอบไปด้วยเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ แร่ธาตุและสารสกัดจากสาหร่ายทะเล ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการสูญเสียน้ำ พร้อมเก็บกักความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ส่วนผสมของ AHA และวิตามิน B3 ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส ริ้วรอยดูจางลง พร้อมด้วยวิตามิน E ช่วยบำรุงผิวให้ยืดหยุ่นเรียบเนียน เนื้อสัมผัสเป็นเนื้อครีมสีขาว เข้มข้นมาก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่ถึงแม้เนื้อครีมจะมีความเข้มข้นมากแต่เวลาทาแล้วไม่มีความเหนียวเหนอะหนะเลยนะ เนียนนุ่มไปกับผิวเหมือนทาโลชั่นผิวตัวเลย สามารถใช้ได้ทุกส่วนของร่างกายเลยนะ เพราะว่าอ่อนโยนมากๆ พอลก้า ครีมทาส้นเท้า อันนี้ เป็นครีมที่เข้มข้นมากๆ และมีส่วนผสมที่บำรุงได้อย่างตรงจุดมากกว่าครีมอื่นๆ ในเรื่องของการเติมเต็มผิวให้กลับมาเรียบเนียน เช่นรอยแตกของผิว จะเห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของการแตกอยู่ ครีมนี้จะเข้าไปฟื้นฟูผิวตรงส่วนนั้นให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเคย ทำให้ผิวชุ่มชื่นสุดๆ ไม่แห้งแตกหรือเป็นขุยนั่นเอง
ส่วนผสมหลัก
- Pheohydrane : เป็น Natural Moisturizer ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารสกัดจากสาหร่ายทะเลหลากหลายชนิด จะทำหน้าที่ป้องกันการสูญเสียน้ำที่ผิว แถมยังช่วยดูดซับน้ำให้คงไว้ใต้ผิวหนังอีกด้วยนะ เป็นการป้องกันการแห้งแตกของผิวหนัง ทำให้กลับมามีผิวที่นุ่มชุ่มชื่นอีกครั้ง
- AHA และ Vitamin B3 : ช่วยผลัดเซลผิวที่เสื่อมสภาพ และปรับสภาพผิวใหม่ให้ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- Vitamin E และ Shea Butter : ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุน สมานรอยแผลให้เรียนเนียนยิ่งขึ้น ทำให้ผิวชุ่มชื่น
2. Scholl cracked Heel Repair Cream
Scholl cracked Heel Repair Cream |
Scholl cracked Heel Repair Cream ครีมทาส้นเท้าแตก Urea 5% เป็นครีมทาส้นเท้าแตกสูตรพิเศษที่มีเนื้อครีมเข้มข้น แต่ซึมลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ซึ่งมีส่วนประกอบของ Glyceim ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนังให้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมกับมี Urea ช่วยลดความหยาบกร้านและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้เท้าเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อครีมข้นเหนียว ใช้แล้วรู้สึกว่ามันดีขึ้นจนรู้สึกได้จริงๆ รู้สึกเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลย คือ ผิวส้นเท้านิ่มขึ้น นุ่ม ไม่แข็ง พอใช้ติดกันไป 3-4 วัน รอยแตกเล็กๆ เริ่มดีขึ้น รอยใหญ่ๆ ก็ตื้นขึ้นจนสังเกตได้
3. Ellgy Plus Cracked Heel Cream
Ellgy Plus Cracked Heel Cream |
Ellgy Plus Cracked Heel Cream 50 g ครีมทาส้นเท้า เอลจี้ พลัส มีส่วนประกอบสำคัญ คือ แซคคาไรด์ไอโซเมอเรท ที่ช่วยคงความชุ่มชื้นของส้นเท้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน และ พอร์ทูลาคา ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นไขมัน สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานกว่าครีมอื่นๆ สามารถให้ความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังได้ดี แม้อยู่ในสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ เช่น หน้าหนาวหรือในห้องแอร์ ทาวันละ 2 ครั้ง หลังจากอาบน้ำ ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมเอลจี้พลัส ทั่วส้นเท้าและฝ่าเท้า การใส่ถุงเท้าหลังทาครีม ช่วยให้ผลการบำรุงดีขึ้น สามารถใช้ป้องกันอาการส้นเท้าแตกได้ ส่วนประกอบ น้ำบริสุทธิ์, กลีเซอรีน, ซิเทียริว แอลกอฮอล์,ผักเบี้ยใหญ่,ไดเมทิโคน,ไอโซโพรพิลไมริสเตท, โซเดียมแลคเตท,โพรพิลีนไกลคอล,น้ำมันลาเวนเดอร์
- สูตรที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นสำหรับผิวเท้า
- อุดมไปด้วยกรดไขมันธรรมชาติที่สำคัญ
- เหมาะสำหรับส้นเท้าที่แห้ง
4. Shiseido Urea 10% Hand and Feet Cream
Shiseido Urea 10% Hand and Feet Cream |
Shiseido Urea 10% Cream ชิเชโด้ ครีมทามือและเท้า Hand and Feet Cream ครีมบำรุงมือและเท้าช่วยบำรุงมือและเท้าที่แห้งหยาบกร้าน และแก้ปัญหาส้นเท้าแตก ให้กลับมานุ่มชุ่มชื่นอีกครั้งด้วยส่วนผสม Urea 10% ที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนังให้นานขึ้น จึงทำให้ผิวไม่แฟ้งและกลับมานุ่มชุ่มชื้นอีกครั้งเหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวแห้งเนื่องจากทำงานในห้องแอร์ และผู้ที่มีปัญหามือและส้นเท้าแห้งแตก
- Shiseido Urea 10% Hand and Feet Cream ครีมบำรุงมือและเท้า
- ช่วยบำรุงมือและเท้าที่แห้งหยาบกร้าน และแก้ปัญหาส้นเท้าแตก ให้กลับมานุ่มชุ่มชื่นอีกครั้ง
- ด้วยส่วนผสม Urea 10% ที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนังให้นานขึ้น จึงทำให้ผิวไม่แฟ้งและกลับมานุ่มชุ่มชื้นอีกครั้ง
- เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวแห้งเนื่องจากทำงานในห้องแอร์ และผู้ที่มีปัญหามือและส้นเท้าแห้งแตก
- Made In Japan
5. ครีมทาส้นเท้าแตก Philo Soft Plus
ครีมทาส้นเท้าแตก Philo Soft Plus |
ครีมทาส้นเท้าแตก Philo Soft Plus สูตรเข้มข้น สูตรที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นสำหรับผิวเท้า อุดมไปด้วยกรดไขมันธรรมชาติที่สำคัญ หมาะสำหรับส้นเท้าที่แห้งเห็นผลเด่นชัด เรื่องส้นเท้าแตก ใช้สำหรับผิวหนังที่แห้งด้าน หนา และแตกเนื่องจากการเสียดสีเป็นประจำ เช่นบริเวณมือ ข้อศอก หัวเข่า เท้า และส้นเท้า ช่วยลดรอยด้านของผิวหนัง และทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวกลับนุ่มเนียนราบเรียบงดงามBenefits Salicylic acid 2% : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้วหรือแข็งกระด้างอ่อนตัวลงหรือหลุดออกไปก่อน เพื่อให้สารบำรุงอื่นๆ ถูกดูดซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง Urea 9.99% : ยูเรียครีมเบสเข้มข้น ช่วยอุ้มความชุ่มชื้นของผิว D – panthenol : ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวและยังช่วยลดอาการอักเสบของผิวด้วย Vitamin E : ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้นDirectionsวิธีใช้ : ทาบริเวณที่ต้องการวันละ 2-3 ครั้ง ควรใช้ทาเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ผิวนุ่มเนียนตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวด้านหนา
6. ครีมทาส้นเท้าแตก กิฟฟารีน SKIN SOFTENER GIFFARINE
ครีมทาส้นเท้าแตก กิฟฟารีน SKIN SOFTENER GIFFARINE |
ครีมทาส้นเท้าแตก กิฟฟารีน SKIN SOFTENER GIFFARINE เพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นเป็นพิเศษให้กับจุดสัมผัสกร้านอย่างได้ผล เพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นเป็นพิเศษให้กับจุดสัมผัสกร้านอย่างได้ผล อาทิ ส้นเท้า ตาตุ่ม หัวเข่า หรือข้อศอก ด้วยคุณค่าของสารบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ลดเลือนรอยดำของจุดสัมผัสกร้านอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อผิวเนียนนุ่ม น่าสัมผัส ด้วยตัวครีมมีความเข้มข้นสูง จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาส้นเท้าแตก เดินแล้วเจ็บ โดยตัวครีมจะสามารถฟื้นฟูส่วนที่แตกให้กลับมาเรียบเนียนโดยจะพบความเปลี่ยนแปลงภายใน 7-15 วัน
- ช่วยให้ความนุ่มชุ่มชื่นของส้นเท้า
- ช่วยลดจุดสัมผัสกร้าน
- ช่วยบำรุงผิวส้นเท้า ตาตุ่ม หัวเข่า ข้อศอก
- ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก
- ช่วยลดเลือนรอยดำ
- ช่วยลดจุดสัมผัสกร้านอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม น่าสัมผัส
7. FootEase by Watsons Cracked Heel Cream
FootEase by Watsons Cracked Heel Cream |
FootEase by Watsons Cracked Heel Cream ฟุตอีส บาย วัตสัน แคร็ก ฮีล ครีม ครีมบำรุงเท้าสูตรเข้มข้น ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อความสบายของเท้า ผิวเท้าเนียนนุ่ม ซึมซาบรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ มอบคุณสมบัติในการบำรุงผิว ด้วยคุณค่าจากยูเรียเข้มข้น 9.5% (Urea), แซคคาไรด์ ไอโซมอร์เร (Saccharide Isomerate), อะลันโทอิน (Allatoin) และ อนุพันธ์วิตามินอี (Vitamin E) เมื่อใช้เป็นประจำช่วยให้ผิวเท้าเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน นวดครีมให้ทั่วเท้า เน้นจุดที่แห้งกร้านเป็นพิเศษ ใช้ได้บ่อยครั้ง เท่าที่ต้องการ ควรใช้เป็นประจำเพื่อป้องกันส้นเท้าแตก
8. Yoko Cracked Heel Cream
Yoko Cracked Heel Cream |
Yoko Cracked Heel Cream ครีมบำรุงผิวสำหรับส้นเท้า ช่วยคงความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าอ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับส้นเท้าที่แห้ง ให้คุณเปิดเท้าได้อย่างมั่นใจ และช่วยในการคงความชุ่มชื้นของผิวบริเวณส้นเท้าให้ดูเป็นธรรมชาติ จนคุณสังเกตได้ทันทีที่เริ่มใช้ ใช้ได้กับจุดสัมผัสแห้งกร้านอื่นๆ เช่น ข้อศอก ตาตุ่ม และหัวเข่า ให้คุณเปิดเท้าได้อย่างมั่นใจด้วยครีมทาส้นเท้า จากโยโกะ ช่วยคงความชุ่มชื่น ทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าอ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับส้นเท้าที่แห้ง และช่วยคงความชุ่มชื่นของผิวบริเวณส้นเท้าให้ดูเป็นธรรมชาติ หลังทำความสะอาดเท้า บีบครีมเล็กน้อยทาบริเวณส้นเท้า โดยเน้นบริเวณที่มีปัญหาแตกแห้ง ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
- เหมาะสำหรับส้นเท้าที่แห้ง
- ช่วยคงความชุ่มชื้น
- ให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าอ่อนนุ่ม
9. Mistine Foot & Nail Repair Cream
Mistine Foot & Nail Repair Cream |
Mistine Foot & Nail Repair Cream มิสทิน ฟุต แอนด์ เนล รีแพร์ ครีม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเท้าและเล็บ สูตรเข้มข้นด้วย Hydra Lock Technology ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื่น ให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นยาวนาน 24 ชั่วโมง* ด้วยคุณค่าของ Moisture magnet complex ที่อุดมด้วย Saccharide isomerate, Trehalose, Urea และ Pullulan ช่วยบำรุงผิวเท้าให้นุ่มชุ่มชื่น ไม่เป็นขุย ผสานคุณค่าการบำรุงเล็บให้ดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน ด้วยสารสกัดจาก ต้นบูลบิเน่ ฟรูเทสเซนส์ (Bulbine Frutescens) และ Panthenol พร้อมเผยผิวเท้าได้อย่างมั่นใจ ส่วนผสม Moisture Magnet Complex สารบำรุงจาก 4 คุณค่าแห่งการเติมเต็มความชุ่มชื่นสู่ผิวเท้า ป้องกันการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวเท้าเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน ประกอบด้วย Saccharide isomerate, Trehalose, Urea และ Pullulan วิธีใช้ ลูบไล้ให้ทั่วผิวเท้าและส้นเท้าเป็นประจำทุกวัน ใช้ได้บ่อยครั้งตามต้องการ
10. CREAM 91 E
CREAM 91 E |
CREAM 91 E ครีม 91 E ทาส้นเท้าแตก 8.3 G 91 อี ( 07473) เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังที่มีปัญหาความหยาบกร้าน, ส้นเท้าแห้งแตก, ท้องลาย, น่องลาย, รอยแผลเป็น, จุดด่างดำ, รอยด้าน-ดำ ที่เกิดจากการเสียดสี เช่นข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม นอกจากจะมีคุณสมบัติช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ยังช่วยให้รอยแผลเป็น, จุดด่างดำ แลดูจางลง นอกจากนี้ ครีม 91*อี ยังมีวิตามินอี และส่วนประกอบอื่นๆ ช่วยบำรุง และฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม และคืนความชุ่มชื้น ให้กับผิว ที่หยาบกร้าน ทั้งยังช่วยป้องกัน และขจัดปัญหาส้นเท้าแตก, หยาบกร้าน อีกด้วย ครีม 91*อี ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากสถาบันเดิร์มสแกน ประเทศฝรั่งเศส (Under Dermatological Tested) ครีม 91อี 91e เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังที่มีปัญหาความหยาบกร้าน, ส้นเท้าแห้งแตก, ท้องลาย, น่องลาย, รอยแผลเป็น, จุดด่างดำ, รอยด้าน-ดำ ที่เกิดจากการเสียดสี เช่นข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม นอกจากจะมีคุณสมบัติช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ยังช่วยให้รอยแผลเป็น, จุดด่างดำ แลดูจางลง นอกจากนี้ ครีม 91*อี ยังมีวิตามินอี และส่วนประกอบอื่นๆ ช่วยบำรุง และฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม และคืนความชุ่มชื้น ให้กับผิว ที่หยาบกร้าน ทั้งยังช่วยป้องกัน และขจัดปัญหาส้นเท้าแตก, หยาบกร้าน อีกด้วย ครีม 91*อี ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากสถาบันเดิร์มสแกน ประเทศฝรั่งเศส (Under Dermatological Tested)
สาเหตุการเกิดส้นเท้าแตก
Mistine Foot Fix Cracked Heel Cream
เช็คราคาจาก Lazada เช็คราคาจาก Shopee
เช็คราคาจาก Lazada เช็คราคาจาก Shopee
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันเป็นปัจจัยให้ส้นเท้าแตกได้
- การอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลานาน รวมทั้งการใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ทำให้ผิวแห้งจัดก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ส้นเท้าแตก
- อยู่ในบริเวณที่มีอากาศเย็นเป็นประจำ โดยไม่ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- การยืนหรือเดินเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นประจำ ส้นเท้าจะเกิดการกระแทกหลายครั้ง
- เกี่ยวกับการเดินและใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมผิวบริเวณเท้า เช่น ชอบเดินเท้าเปล่าโดยไม่ใส่รองเท้า การสวมรองเท้าไม่พอดีกับขนาดเท้า การสวมรองเท้าแบบเปิดผิวเท้า หรือพื้นรองเท้าแข็งเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน
- เกิดจากกรรมพันธุ์ เกิดจากการเจ็บป่วยบางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบเรื้อรัง รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น
- อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นจนเป็นสาเหตุทำให้ส้นเท้าแตกได้
- ชอบเดินด้วยเท้าเปล่าฃไม่ว่าจะเดินบนพื้นปูน พื้นดิน พื้นบ้าน หรือพื้นแข็ง ๆ โดยที่ไม่สวมรองเท้า ถ้าใช่นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของเกิดการส้นเท้าแตกได้
- ไม่ทาครีมบำรุงหรือละเลยการบำรุงผิวบริเวณส้นเท้า ส้นเท้าที่ถูกเสียดสีอยู่ตลอดเวลาจากการสวมใส่รองเท้าย่อมทำให้ผิวบริเวณส้นเท้าแตกและด้านได้ง่ายเนื่องจากสูญเสียความชุ่มชื้น การไม่ใช้ครีมหรือบาล์มบำรุงส้นเท้าอาจส่งผลให้ปัญหาส้นเท้าแตกเพิ่มระดับความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
วิธีรักษาส้นเท้าแตก
- การรักษาผิวจากภายในก็สามารถช่วยรักษาความชุ่มชื่นของส้นเท้าของคุณได้เช่นกัน ส้นเท้าที่แตกนั้นอาจเป็นเพราะการขาดความชุ่มชื่นภายในผิวหนังเช่น การดื่มน้ำสะอาดเยอาะๆ สามารถช่วยให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื่นและรักษาอาการส้นเท้าแตกได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสำหรับส้นเท้าแตก ควรใช้ครีมหรือยาที่ผลิตมาเพื่อใช้รักษาอาการผิวแตกลักษณะนี้โดยเฉพาะ ทาไปบนบริเวณที่เป็นรอยแตก ครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น หรือครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน สามารถใช้ทาได้วันละหลาย ๆ ครั้ง ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อทาหลังอาบน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และป้องกันผิวแห้งแตก
- การมาส์กเท้าหรือถุงลอกเท้า ในกรณีที่ส้นเท้าแตกยังไม่มีความรุนแรงมากนัก คือ มีขุย ส้นเท้าหนาหรือมีสีเข้ม มีส่วนประกอบของ กรดซาลิซิลลิก กรดวิตามินเอ หรือกรดแลคติก ที่มีหน้าที่ลอกผิวชั้นบนที่มีความหนาโดยไม่ทำร้ายผิวชั้นล่าง สวมถุงลอกเท้าไว้ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละยี่ห้อ แล้วถอดออก ล้างเท้าด้วยน้ำสะอาด ผิวหนังเท้าที่หนาจะลอกออก เผยให้เห็นผิวด้านล่างที่สะอาดและไม่มีรอยแตก เราควรทาครีมบำรุงหลังล้างทำความสะอาด
- การสครับหรือการขัดส้นเท้าอยู่เสมอ จะเป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพที่เป็นเนื้อแข็งๆให้หลุดออก ทำให้ได้เซลล์ผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน เท้านุ่มไม่แห้งกร้านและลดการเกิดส้นเท้าแตกได้ โดยนำมาใช้ขัดนวดเท้าตอนอาบน้ำ ขัดถูเสร็จแล้วรู้สึกถึงความแตกต่างทันที ทำให้เท้านุ่มดูกระจ่างขึ้น ส่วนหนังด้าน ๆ จะหลุดลอกออกไปเอง แล้วตามด้วยครีมบำรุงหรือ foot balm ทุกครั้ง
- เลือกใช้สบู่ถนอมผิวไม่ใช้สบู่ที่มีสารเคมีเข้มข้นหรือที่มีส่วนผสมทำให้ผิวแห้งได้ เลือกใช้สบู่ที่ถนอมผิว ไม่ก่ออาการแพ้ ไม่ระคายเคืองผิว และไม่ทำให้ผิวแห้ง
- สำหรับผู้ที่มีส้นเท้าแตกมาก อาจจะต้องใช้วิธีแช่เท้าในน้ำอุ่น วันละประมาณ 15-20 นาที จากนั้นก็ขัดผิวหนังที่แห้งออกด้วยหินขัด หรือลูกกลิ้งขัดเท้าเสียก่อน แล้วขั้นตอนสุดท้ายจึงชโลมครีมทาส้นเท้าแตก เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้และช่วยสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน เมื่อทำตามนี้เป็นประจำแล้ว อาการส้นเท้าแตกจะค่อย ๆ ดีขึ้น และผิวก็จะกลับมาเนียนเรียบน่าสัมผัสตามเดิม
- หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าแตะเป็นประจำหรือรองเท้าที่มีลักษณะเปิดเท้า นอกจากนี้ควรเลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดี พื้นรองเท้ามีความนุ่มและคุณภาพดี ก่อนสวมรองเท้าควรสวมถุงเท้านุ่มๆ ด้วยทุกครั้ง เพื่อลดแรงกระแทกที่มีต่อฝ่าเท้าและส้นเท้า เมื่ออยู่ในบ้านอาจจะเลือกสวมรองเท้าขนนุ่มๆ จะช่วยลดแรงกระแทกบริเวณส้นเท้าได้
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อนนานเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้น และควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยถนอมผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่ระคายเคืองผิวและไม่ทำให้ผิวแห้ง นอกจากนี้ให้แช่เท้าในน้ำอุ่น 10-15 นาที แล้วใช้สครับหรือหินขัดเท้าขัดถูเท้าตอนอาบน้ำ เพื่อให้เซลล์ผิวหนังเก่าหลุดลอก
วิธีการเลือก ครีมทาส้นเท้าแตก
- เลือกตามรูปแบบบรรจุภัณฑ์ แบบกระปุกหรือตลับ เป็นชนิดที่แพร่หลายที่สุด มีทั้งแบบแก้วและพลาสติก แบบแท่ง ทาได้โดยไม่ต้องใช้มือเกลี่ยโดยตรง จึงไม่ทำให้มือเปื้อน แบบหลอด สามารถปรับปริมาณในการทาได้ง่าย อาจเป็นฝาแบบที่เปิด/ปิดได้ด้วยมือข้างเดียว นอกจากจะเก็บรักษาง่ายแล้วยังลดการปนเปื้อนได้ดีกว่าแบบกระปุก
- เลือกที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีการซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดี อาจจะไม่ซึมในทันที แต่เมื่อทิ้งไว้ไม่กี่นาทีก็หายเหนียวเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน
- เลือกที่มีกลิ่นหอม ที่ตัวเองชื่นชอบ เพราะจะช่วยให้เราทาครีมได้อย่างเพลิดเพลิน และยังส่งผลให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลายในขณะทาอีกด้วย
- ถ้าส้นเท้าแตก มากๆ ควรเลือกใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น ครีมในกลุ่มปิโตรเลียม (Petroleum) หรือซิลิโคน (Silicone) ทาทับเพื่อล็อกน้ำในผิว สำหรับส้นเท้าแตกที่มีอาการไม่รุนแรง ผิวบริเวณส้นเท้าจะหนา สีเข้ม เป็นขุย ส่วนประกอบของยุูเรีย ร่วมกับครีมบำรุงเพื่อให้ความชุ่มชื้นและลดความหนาของส้นเท้า และเพื่อเป็นการป้องกันส้นเท้าแตกควรบำรุงส้นเท้าเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและให้ชุ่มชื้น
- เลือกเนื้อครีมที่เหมาะสม หากต้องการใช้บำรุงเท้าในตอนกลางวันให้เลือกแบบเนื้อครีมที่บางเบาซึมง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่หากใช้ในตอนกลางคืนสามารถเลือกใช้แบบที่มีเนื้อครีมเข้มข้นและใส่ถุงเท้าทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อเป็นการล็อคความชุ่มชื่นและยังช่วยลดอาการ ส้นเท้าแตกให้หายเร็วขึ้น
- เลือกครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น น้ำมันที่ได้รับความนิยม Shea Butte, วาสลีน หรือ กลีเซอรีน เพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นและเป็นการล็อคความชุ่มชื่นได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น หากส้นเท้าของคุณมีปัญหาแตกเป็นร่องเห็นชัด ควรเลือกครีมทาส้นเท้าที่มีส่วนผสมของยูเรีย ซึ่งเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ธรรมชาติ จะช่วยลอกเซลล์ผิวหนังที่แข็งให้หลุดออก ช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าที่แข็งอ่อนนุ่มลงได้ แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ผิวบางลงและยังห้ามใช้โดยตรงในกรณีที่มีแผลเปิด
บทสรุป
อาการส้นเท้าแตกเป็นปัญหาเล็กๆ ที่หลายคนมองข้ามเพราะคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็น แต่แท้ที่จริงแล้วส่งผลทั้งต่อบุคลิกภาพและสุขภาพผิวไม่น้อย การบำรุงผิวบริเวณส้นเท้า ด้วย ครีมทาส้นเท้า อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ฝ่าเท้า เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ส้นเท้าแตกได้ดีที่สุด จะช่วยให้เท้าของเราเนียนนุ่ม ไม่แห้งแตกหยาบกร้านและไม่ทำให้ส้นเท้าแตก หากไม่อยากสูญเสียความมั่นใจกับส้นเท้าแตกลาย อย่าลืมทาครีมบำรุงส้นเท้าเป็นประจำ การรักษาส้นเท้าแตกควรจะทำแต่เนิ่น ๆ เพราะจะทำให้มีโอกาสที่จะหายได้เร็ว แผลที่ส้นเท้าแตกไม่ลุกลามมากจนเกินไป ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย แต่หากรักษาดูแลส้นเท้าแตกด้วยตัวเองแล้วอาการยังไม่ทุเลา ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย
0 ความคิดเห็น